วิธีแก้ไขปัญหา น้ำเขียว ในสระว่ายน้ำระบบเกลือ
ดูแลสระว่ายน้ำระบบเกลือให้ใสสะอาด ไร้ปัญหา น้ำเขียว อย่างสม่ำเสมอ
หลายคนอาจจะพบปัญหาสระว่ายน้ำกลายเป็นสีเขียวปี๋ น้ำเขียว ไม่เป็นสีฟ้าใสอย่างที่เคยเป็น อาจจะเกิดจากการไม่ได้ดูแลรักษาความสะอาดหรือไม่ได้ตรวจสอบค่า pH ของน้ำอย่างสม่ำเสมอจนทำให้ค่า pH ไม่เป็นกลาง หรืออยู่ในช่วงหน้าฝนที่ฝนตกบ่อยจนก่อให้เกิดตะไคร้และสาหร่ายในสระว่ายน้ำทำให้น้ำกลายเป็นสภาพดังกล่าว และถึงแม้จะเป็นสระว่ายน้ำระบบเกลือซึ่งเป็นระบบสระว่ายน้ำที่มีเกลือที่ช่วยสร้างในน้ำไม่เหมาะกับการเจริญเติบโตของเชื้อโรค แต่การขาดการดูแลอย่างสม่ำเสมอก็ทำให้น้ำในสระว่ายน้ำกลายเป็นน้ำสีเขียวได้เช่นกัน
ซึ่งสระว่ายน้ำระบบเกลือเป็นระบบสระว่ายน้ำที่ได้รับความนิยมโดยเฉพาะในโรงแรม, โรงเรียนสอนว่ายน้ำ, คอนโดมิเนียม หรือแม้กระทั่งบ้านหรือบ้านพักต่างอากาศ เพราะเป็นระบบสระว่ายน้ำที่มีความอ่อนโยนต่อผิว ซึ่งการที่น้ำในสระว่ายน้ำกลายเป็นสีเขียวย่อมไม่ใช่ผลดีต่อภาพลักษณ์ของสถานที่ เพราะสระว่ายน้ำไม่สวยงาม ไม่น่าเล่น ซึ่งก็มีวิธีในการแก้ไขความเขียวในสระว่ายน้ำระบบเกลือให้กลับมาสีฟ้าใสสดได้เหมือนดั่งเดิม
สาเหตุของการเกิด น้ำเขียว ในสระว่ายน้ำระบบเกลือ
น้ำในสระว่ายน้ำที่มีลักษณะเขียวขุ่นสาเหตุเกิดมาจากสาหร่ายสีเขียวซึ่งเป็นพืชขนาดเล็กซึ่งสามารถเติบโตจากการสังเคราะห์แสงและมักอาศัยอยู่ในน้ำ โดยสาหร่ายเหล่านี้เป็นตัวก่อมลพิษหลักในสระว่ายน้ำเมื่อเทียบกับตัวก่อมลพิษอื่น ๆ ซึ่งหากสระว่ายน้ำระบบเกลือมีค่า pH (ค่าความเป็นกรดและความเป็นด่าง) และ CL (ค่าคลอรีน) ที่ต่ำหรือสูงกว่าค่ามาตรฐานอาจจะมีผลทำให้สาหร่ายและเชื้อโรคอื่น ๆ เติบโตได้ ซึ่งอาจจะเกิดจากการไม่ค่อยได้ดูแลความสะอาดทำให้มีเชื้อโรคในสระว่ายน้ำหรือไม่สม่ำเสมอในการเติมเกลือที่จะใช้ในการผลิตคลอรีนจึงทำให้มีคลอรีนที่อยู่ในสระว่ายน้ำน้อยเกินไปจนไม่สามารถฆ่าเชื้อโรคได้ โดยทั้งหมดจะส่งผลให้น้ำในสระว่ายน้ำกลายเป็นสีเขียวในที่สุด
วิธีการเปลี่ยนน้ำจากสีเขียวเป็นฟ้าใสในสระว่ายน้ำระบบเกลือ
• ก่อนทำการปรับสภาพสระว่ายน้ำระบบเกลือต้องแน่ใจว่าไม่มีการใช้สระว่ายน้ำหากเป็นสระว่ายน้ำแบบสาธารณะควรมีการประกาศสำหรับผู้ที่ต้องการใช้งานให้ทราบล่วงหน้าเพื่อความปลอดภัยสำหรับผู้ที่ต้องการเล่นน้ำ
• ก่อนบำบัดน้ำในสระว่ายน้ำระบบเกลือต้องทำการวัดค่าสารเคมีในสระก่อนเพื่อเช็คค่า pH และค่า CL เพื่อจะได้ทำการปรับสารเคมีของน้ำในสระว่ายน้ำได้อย่างถูกต้อง โดยปกติค่า pH ของสระว่ายน้ำระบบเกลือที่เหมาะสมจะอยู่ที่ 7.2-7.4 และ CL ควรอยู่ที่ 1–3 PPM โดยหากค่า pH ในน้ำต่ำกว่า 7 จะเป็นกรดซึ่งเป็นผลทำให้คลอรีนสลายตัวอย่างรวดเร็วและเกิดการกัดกร่อนในวัสดุที่ใช้ในสระว่ายน้ำ แต่หากค่า pH สูงจะเป็นด่างทำให้ประสิทธิภาพของคลอรีนลดลงและเกิดตะกอน น้ำจะขุ่นและแสบตาเมื่อลงเล่นน้ำ โดยการตรวจค่าสารเคมีในสระว่ายน้ำต้องตรวจทุกวันที่ทำการปรับสภาพของน้ำจนกว่าน้ำจะเริ่มใสและมีค่า pH ตามที่มาตรฐานกำหนดไว้
• ควรทำความสะอาดพื้นและผนังของสระว่ายน้ำให้สะอาดด้วยแปรงเพื่อขัดสิ่งสกปรกที่เกาะฝังแน่นให้ออกไป เช่น ตะไคร่น้ำ การทำความสะอาดด้วยวิธีดังกล่าวเป็นวิธีขั้นพื้นฐานในการทำความสะอาดสิ่งสกปรกต่าง ๆ โดยแปรงที่นำมาทำความสะอาดอาจจะเป็นแปรงพลาสติกหรือแปรงทองเหลืองก็ได้
• ดูดฝุ่น, ดูดตะกอน ตักใบไม้ ในสระว่ายน้ำด้วยตนเองหรือด้วยเครื่องทำความสะอาดสระว่ายน้ำอัตโนมัติเพื่อให้ดูดตะกอนในสระว่ายน้ำ เก็บเศษตะกอนและฝุ่นขยะให้ออกไปมากที่สุด หากใช้เครื่องทำความสะอาดสระว่ายน้ำอัตโนมัติจะช่วยให้พื้นผิวสะอาดมากขึ้นแต่ใช้เวลาที่น้อยลงเป็นการประหยัดทั้งเวลา พลังงาน และการใช้น้ำ
• หลังจากดูดความสกปรกออกไปแล้วจะเติมเกลือลงไปในสระว่ายน้ำเพื่อให้เกลือผลิตคลอรีนสำหรับใช้ฆ่าเชื้อโรคในสระว่ายน้ำโดยมีอัตราส่วนอยู่ที่ เกลือ 1 ส่วน/น้ำสระว่ายน้ำ 4 ส่วน และนำไปเทลงในสระว่ายน้ำระบบเกลือ รอจนน้ำในสระว่ายน้ำตกตะกอน
• หลังจากนั้นเปิดระบบกรองประมาณ 6-8 ชั่วโมง อย่างน้อย 1-3 รอบ ต่อวันเพื่อให้กรองสิ่งสกปรกและเชื้อโรคให้ออกไปจากน้ำที่เริ่มตกตะกอนในสระว่ายน้ำออก รอจนน้ำในสระว่ายน้ำใสซึ่งโดยปกติน้ำจะใสขึ้นเรื่อย ๆโดยใช้เวลาประมาณ 3-4 วันขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำในสระว่ายน้ำ หลังจากนั้นควรนำแผ่นกรองไปล้างเพื่อทำความสะอาดสิ่งสกปรกที่ติดอยู่ที่ตัวกรอง
การแก้ไขปัญหาสระว่ายน้ำสีเขียวต้องใช้เวลาในการทำให้น้ำกลับมาใสสะอาดเป็นสีฟ้าอีกครั้ง ดังนั้นหากท่านไม่ต้องการให้สระว่ายน้ำมีปัญหาดังกล่าวท่านสามารถดูแลรักษาสระว่ายน้ำได้เองเพียงแค่มีความสม่ำเสมอในการดูแลรักษาโดยมีวิธีดังนี้
วิธีการดูแลรักษาสระว่ายน้ำระบบเกลือให้ใสสะอาดอยู่เสมอ
• เช็คค่าpH ค่าpH โดยใช้ชุดวัดค่าpH มีทั้งแบบหยดและแบบซองกระดาษลิตมัสหรือแบบ Digitalก็ได้ วิธีการวัดให้วัดน้ำทั้ง 4 มุมของสระว่ายน้ำเพื่อให้ได้ค่าเฉลี่ยที่ถูกต้องมากที่สุด โดยหากค่าpH ต่ำกว่า 7.2 หมายความว่าน้ำในสระว่ายน้ำมีความเป็นกรดต้องเพิ่มความเป็นด่างโดยเติมโซดาแอช แต่หากวัดแล้วค่าpH มากกว่า 8.2 หมายความว่าน้ำในสระว่ายน้ำเป็นด่างควรเติม pH Minor เพื่อเพิ่มความเป็นกรด โดยค่อยๆใส่ลงไปแล้วเช็คค่าน้ำใหม่หลังจากใส่ไปแล้ว 10-15 นาที
• เช็คค่าคลอรีน ค่าคลอรีนในสระว่ายน้ำระบบเกลือควรอยู่ที่ 1-3 PPM โดยวัดด้วยอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น ชุดวัดค่าคลอรีนแบบหยด, แบบซองกระดาษลิตมัส หรือแบบ Digital ก็ได้ โดยทำการวัด 4 มุมในสระว่ายน้ำเหมือนวัดค่า pH
• เช็คค่าเกลือ สระว่ายน้ำระบบเกลือจะต้องเติมเกลือลงในสระน้ำเพื่อใช้เกลือไปผลิตเป็นคลอรีนซึ่งเกลือที่ใช้จะเป็นเกลือสำหรับสระว่ายน้ำโดยเฉพาะเท่านั้นและค่าเกลือที่เหมาะสมควรอยู่ที่ 4,500-6,000 PPM โดยปริมาณเกลือที่ใส่จะขึ้นอยู่กับปริมาตรของน้ำในสระว่ายน้ำเพราะหากเติมเกลือน้อยไปก็จะทำให้เครื่องกรองทำการแปลงเกลือเป็นคลอรีนไม่เพียงพอต่อการฆ่าเชื้อโรคได้อาจทำให้น้ำในสระว่ายน้ำเกิดเป็นตะไคร่น้ำเขียวได้เช่นกัน
• ล้างทรายกรอง Backwash หากใครมีที่กรองน้ำเป็นแบบถังกรองทรายต้องทำการล้างทรายกรอง Backwash อย่างน้อย สัปดาห์ละ 1 ครั้ง โดยที่น้ำที่ออกมาจากเครื่องทรายกรองต้องใสสะอาดแล้วค่อยปิดเครื่อง หรือถ้าเป็นเครื่องกรองผ้าให้ล้างผ้ากรองสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
• ล้างแท่งแปลงเกลือ ควรถอดแท่งแปลงเกลือออกมาล้างทุก 7-14 วัน เมื่อผ่านการใช้งานมาประมาณ 1-2 สัปดาห์เพื่อที่จะได้ทำความสะอาดคราบสกปรกจากการเปลี่ยนเกลือเป็นคลอรีน เพื่อให้แท่งแปลงเกลือมีประสิทธิภาพในการทำงานได้เต็มที่เหมือนเดิม โดยต้องนำแท่งแปลง เกลือแช่ในน้ำส้มสายชูและใช้แปรงสีฟันขัดคราบออกให้หมด
• ควรตักเศษใบไม้หรือกิ่งไม้ออกจากสระว่ายน้ำอย่างสม่ำเสมอเพื่อไม่ให้เป็นอาหารต่อเชื้อโรคในสระว่ายน้ำ
• ก่อนลงสระว่ายน้ำทุกครั้งควรทำความสะอาดร่างกายเนื่องจากร่างกายของเรามีคราบเหงื่อ ครีมทาผิว และสิ่งสกปรกที่ติดมากับเสื้อผ้า และควรสวมเป็นชุดว่ายน้ำในการลงสระว่ายน้ำ
การดูแลรักษาความสะอาดของสระว่ายน้ำระบบเกลือนอกจากจะช่วยให้สระว่ายน้ำมีความใส่ สะอาด ดีต่อสุขอนามัยของผู้มาเล่นแล้ว ยังช่วยยืดอายุในการใช้งานของสระว่ายน้ำให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานมากยิ่งขึ้น นอกจากนั้นการที่สระว่ายน้ำระบบเกลือมีสะอาดอยู่เสมอจะช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ให้กับเจ้าของทั้งในรูปแบบส่วนบุคคลหรือในรูปแบบบริษัทเพราะถือว่ามีความใส่ใจต่อสุขภาพของผู้ที่มาใช้งานและยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาวเนื่องจากสระว่ายน้ำระบบเกลือไม่ต้องคอยเติมคลอรีนบ่อย ๆ แม้ว่าค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างสระว่ายน้ำจะสูงกว่าแบบคลอรีนก็ตาม แต่ก็เป็นความคุ้มค่าในการลงทุนระยะยาว