รวมวิธีแก้ปัญหาสระว่ายน้ำขุ่นและตะไคร่เขียว

การมีสระว่ายน้ำที่ใสสะอาดไม่เพียงแต่เพิ่มความน่าสนใจให้พื้นที่ แต่ยังเป็นสิ่งสำคัญต่อความสุขและสุขภาพของผู้ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นสระว่ายน้ำส่วนตัว สระสาธารณะ หรือสระในโรงแรม การรักษาสภาพน้ำให้ใสสะอาดเป็นหน้าที่สำคัญที่ผู้ดูแลไม่ควรมองข้าม

ความสำคัญของการรักษาสภาพน้ำในสระว่ายน้ำ

น้ำในสระว่ายน้ำที่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสมไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความใสสะอาดของพื้นที่ แต่ยังแสดงถึงมาตรฐานของความปลอดภัยและสุขอนามัย การรักษาคุณภาพน้ำในสระให้อยู่ในเกณฑ์ที่ดีช่วยสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้ ทั้งในแง่ของความสุข ความปลอดภัย และการผ่อนคลายที่ปราศจากความกังวล

บทบาทของน้ำใสสะอาดต่อประสบการณ์การว่ายน้ำ

  1. ความรู้สึกสบายและผ่อนคลาย
    การว่ายน้ำในน้ำที่ใสสะอาดช่วยให้ผู้ใช้งานรู้สึกปลอดภัย ผ่อนคลาย และเต็มไปด้วยความมั่นใจ การมองเห็นพื้นสระและความชัดเจนของน้ำยังช่วยลดความกังวลเกี่ยวกับสิ่งแปลกปลอมในสระ
  2. ส่งเสริมสุขภาพและการออกกำลังกาย
    น้ำสะอาดช่วยให้การว่ายน้ำหรือออกกำลังกายในสระปลอดภัยและปราศจากการระคายเคืองที่อาจเกิดจากสิ่งสกปรกหรือสารเคมีตกค้าง
  3. สร้างภาพลักษณ์ที่ดี
    สำหรับสระว่ายน้ำสาธารณะหรือสระในโรงแรม น้ำใสสะอาดเป็นสิ่งที่สร้างความประทับใจแก่ผู้ใช้และช่วยเสริมสร้างชื่อเสียงของสถานที่

ผลกระทบจากน้ำขุ่นและตะไคร่เขียว

แม้ว่าสระว่ายน้ำจะดูเหมือนเป็นสถานที่ที่ปลอดภัย แต่หากปล่อยให้เกิดปัญหาน้ำขุ่นหรือตะไคร่เขียว อาจนำไปสู่ผลกระทบที่ร้ายแรงได้ดังนี้:

  1. ความปลอดภัย
    • น้ำขุ่นอาจบดบังการมองเห็นในน้ำ ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการจมน้ำหรืออุบัติเหตุ
    • พื้นสระที่มีตะไคร่เขียวสามารถทำให้ลื่น เพิ่มโอกาสในการหกล้ม
  2. สุขอนามัย
    • ตะไคร่เขียวและน้ำขุ่นอาจเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคและแบคทีเรียที่เป็นอันตราย เช่น E. coli หรือ Pseudomonas aeruginosa
    • การสัมผัสหรือว่ายน้ำในน้ำที่ไม่ได้รับการบำรุงรักษาอาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองผิวหนัง ตาแดง หรือโรคทางเดินหายใจ
  3. ค่าใช้จ่ายในการแก้ไขปัญหา
    การปล่อยให้ปัญหาเรื้อรัง เช่น ตะไคร่เขียวหรือระบบกรองที่ทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ จะทำให้ต้องใช้เวลาและค่าใช้จ่ายในการแก้ไขปัญหามากกว่าการดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอ
  4. ความพึงพอใจของผู้ใช้งานลดลง
    สำหรับสระว่ายน้ำสาธารณะหรือธุรกิจที่เกี่ยวข้อง การไม่รักษาน้ำในสระให้ใสสะอาดอาจทำให้สูญเสียลูกค้าและส่งผลกระทบต่อชื่อเสียง

การรักษาน้ำในสระว่ายน้ำให้ใสสะอาดไม่ได้เป็นเพียงการดูแลเรื่องความสวยงาม แต่ยังเกี่ยวข้องกับความปลอดภัย สุขภาพ และความพึงพอใจของผู้ใช้งานในทุกมิติ ซึ่งในเนื้อหาถัดไป เราจะกล่าวถึงสาเหตุของปัญหาและวิธีการแก้ไขน้ำขุ่นและตะไคร่เขียวอย่างละเอียด

 

ปัญหาที่พบบ่อยในสระว่ายน้ำ

สระว่ายน้ำที่ไม่ได้รับการดูแลอย่างถูกวิธีมักประสบกับปัญหาหลายประการที่ส่งผลต่อคุณภาพน้ำ ความสะอาด และความปลอดภัย ปัญหาที่พบบ่อยมีดังนี้:

1. น้ำขุ่น

น้ำขุ่นเป็นหนึ่งในปัญหาหลักที่พบได้บ่อยในสระว่ายน้ำ ซึ่งเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น การสะสมของฝุ่นละออง สารเคมีที่ไม่สมดุล หรือระบบกรองน้ำที่ทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ

สาเหตุของน้ำขุ่น

    • ค่า pH หรือค่าเคมีในน้ำไม่สมดุล
      หากค่าความเป็นกรด-ด่าง (pH) สูงหรือต่ำเกินไป จะทำให้สารเคมีในสระทำงานได้ไม่ดี ส่งผลให้น้ำขุ่น
    • การสะสมของสิ่งสกปรก
      ฝุ่นละออง เศษใบไม้ หรือสิ่งสกปรกจากผู้ใช้งาน เช่น ครีมกันแดดหรือเหงื่อ สามารถสะสมจนทำให้น้ำขุ่นได้
    • ระบบกรองน้ำทำงานผิดปกติ
      ไส้กรองที่ไม่ได้รับการทำความสะอาด หรือการเลือกใช้ระบบกรองที่ไม่เหมาะสมกับขนาดของสระ

ผลกระทบของน้ำขุ่น

    • ลดความสามารถในการมองเห็นในน้ำ เพิ่มความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุ
    • ทำให้สระดูไม่น่าสนใจและไม่น่าใช้งาน
    • เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าคุณภาพน้ำไม่เหมาะสม อาจมีแบคทีเรียหรือเชื้อโรคสะสม

2. ตะไคร่เขียว

ตะไคร่เขียวเป็นปัญหาที่พบบ่อยในสระว่ายน้ำ โดยเกิดจากการเจริญเติบโตของสาหร่ายที่สะสมในน้ำหรือบริเวณพื้นผิวสระ

สาเหตุของตะไคร่เขียว

    • แสงแดดที่มากเกินไป
      สาหร่ายเจริญเติบโตได้ดีในที่ที่มีแสงแดดมาก โดยเฉพาะในสระที่ไม่มีการป้องกันแสง
    • การขาดสารฆ่าเชื้อในน้ำ
      หากปริมาณคลอรีนในน้ำต่ำกว่าที่ควรจะเป็น จะไม่สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของสาหร่ายได้
    • น้ำที่นิ่งหรือไม่มีการไหลเวียน
      สระที่ระบบน้ำไหลเวียนไม่ดีหรือไม่ได้เปิดใช้งานเป็นระยะเวลานาน มีแนวโน้มเกิดตะไคร่ได้ง่าย

ผลกระทบของตะไคร่เขียว

    • ทำให้สระว่ายน้ำดูสกปรกและไม่น่าใช้งาน
    • พื้นที่มีตะไคร่สะสมทำให้ลื่น อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุ
    • ตะไคร่เขียวอาจเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค

3. กลิ่นหรือสีที่ผิดปกติ

สระว่ายน้ำที่มีกลิ่นหรือสีที่ผิดปกติเป็นปัญหาที่สังเกตได้ง่ายและมักเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่ามีสิ่งผิดปกติในน้ำ

สาเหตุของกลิ่นหรือสีผิดปกติ

    • สารเคมีตกค้าง
      การใช้คลอรีนหรือสารเคมีในปริมาณที่มากเกินไปอาจทำให้น้ำมีกลิ่นฉุน
    • การสะสมของแบคทีเรียและสารอินทรีย์
      สารอินทรีย์ เช่น เหงื่อ น้ำมันจากผิวหนัง หรือปัสสาวะ อาจทำปฏิกิริยากับคลอรีนจนเกิดกลิ่นหรือเปลี่ยนสีของน้ำ
    • การเน่าเสียของน้ำ
      ในสระที่ไม่ได้ใช้งานเป็นเวลานาน น้ำอาจเปลี่ยนสีเป็นเขียวหรือน้ำตาลจากการเน่าเสียและการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์

ผลกระทบของกลิ่นหรือสีผิดปกติ

    • กลิ่นที่แรงเกินไปอาจทำให้ผู้ใช้งานเกิดความระคายเคืองในระบบทางเดินหายใจ
    • สีที่ผิดปกติทำให้ผู้ใช้งานรู้สึกไม่มั่นใจในความสะอาด
    • น้ำที่มีกลิ่นหรือสีผิดปกติอาจเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคที่ส่งผลต่อสุขภาพ

สาเหตุของน้ำขุ่นและตะไคร่เขียว

ปัญหาน้ำขุ่นและตะไคร่เขียวในสระว่ายน้ำมักเกิดจากสาเหตุหลักหลายประการ ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับการดูแลรักษาสระว่ายน้ำที่ไม่เหมาะสม การวิเคราะห์ถึงสาเหตุจะช่วยให้สามารถแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด ดังนี้:

น้ำขุ่นเกิดจากอะไร?

1. ค่า pH ไม่สมดุล
ค่า pH ที่ไม่สมดุล (ต่ำเกินไปหรือต่ำกว่า 7.2 หรือสูงเกิน 7.8) ส่งผลกระทบโดยตรงต่อประสิทธิภาพของสารเคมี เช่น คลอรีน ซึ่งจำเป็นต่อการฆ่าเชื้อในน้ำ และยังเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการตกตะกอนในน้ำ

2. สารเคมีในน้ำไม่เพียงพอ
ปริมาณสารฆ่าเชื้อ เช่น คลอรีน มีบทบาทสำคัญในการป้องกันการสะสมของเชื้อโรคและแบคทีเรีย หากมีปริมาณไม่เพียงพอ จะทำให้น้ำขุ่นและเป็นแหล่งสะสมของสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก

3. สิ่งปนเปื้อน เช่น ฝุ่นละอองและเศษใบไม้
สิ่งสกปรกจากภายนอก เช่น ฝุ่นละออง เศษใบไม้ หรือสิ่งสกปรกจากผู้ใช้งาน (เช่น ครีมกันแดด เหงื่อ) อาจสะสมในน้ำ และเมื่อระบบกรองน้ำไม่สามารถจัดการได้ดีพอ ก็จะทำให้น้ำขุ่น

4. ระบบกรองน้ำทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ
ระบบกรองน้ำที่ไม่ได้รับการบำรุงรักษา เช่น ไส้กรองสกปรก หรือการใช้ระบบกรองที่ไม่เหมาะสมกับขนาดของสระ ทำให้น้ำไม่ใสและส่งผลให้เกิดการสะสมของสิ่งสกปรก

ตะไคร่เขียวเกิดจากอะไร?

1. การเจริญเติบโตของสาหร่ายในสระ
สาหร่ายเป็นสิ่งมีชีวิตที่เติบโตได้ง่ายในสระว่ายน้ำ โดยเฉพาะเมื่อมีสารอาหาร เช่น ฟอสเฟต หรือไนเตรต ในปริมาณสูง

2. แสงแดดที่มากเกินไป
แสงแดดส่งผลโดยตรงต่อการเจริญเติบโตของสาหร่าย เนื่องจากสาหร่ายต้องการแสงในการสังเคราะห์แสง หากสระว่ายน้ำตั้งอยู่ในที่ที่ได้รับแสงแดดมากโดยไม่มีการป้องกัน จะกระตุ้นให้เกิดตะไคร่เขียว

3. การขาดสารฆ่าเชื้อในน้ำ
สารฆ่าเชื้อ เช่น คลอรีน มีบทบาทในการยับยั้งการเจริญเติบโตของสาหร่าย หากปริมาณคลอรีนในน้ำต่ำกว่าระดับที่เหมาะสม (1-3 ppm) จะทำให้สาหร่ายเติบโตได้อย่างรวดเร็ว


วิธีป้องกันน้ำขุ่นและตะไคร่เขียว

เพื่อรักษาสภาพน้ำในสระให้ใสสะอาดและปราศจากตะไคร่เขียว การป้องกันเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องทำอย่างสม่ำเสมอ ต่อไปนี้คือแนวทางปฏิบัติที่สามารถช่วยลดปัญหาเหล่านี้ได้:

การบำรุงรักษาน้ำในสระประจำวัน

การวัดค่า pH และคลอรีน

    • ตรวจสอบค่า pH อย่างสม่ำเสมอให้อยู่ในช่วงที่เหมาะสม (7.2-7.8)
    • ตรวจสอบระดับคลอรีนให้อยู่ในช่วง 1-3 ppm เพื่อฆ่าเชื้อโรคและป้องกันการเจริญเติบโตของตะไคร่
    • ใช้ชุดทดสอบน้ำเพื่อวัดค่าอย่างแม่นยำ

การทำความสะอาดพื้นและผนังสระ

    • ขัดผนังและพื้นสระว่ายน้ำทุกสัปดาห์ เพื่อลดการสะสมของสิ่งสกปรกและตะไคร่
    • ใช้เครื่องดูดฝุ่นสระว่ายน้ำ (vacuum cleaner) เพื่อกำจัดสิ่งสกปรกที่ก้นสระ

การใช้สารเคมีที่เหมาะสม

    • เพิ่มสารเคมีป้องกันตะไคร่ (Algaecide) เป็นประจำ เพื่อป้องกันการเติบโตของสาหร่าย
    • ใช้สารตกตะกอน (Flocculant) หากน้ำขุ่นจากการมีอนุภาคขนาดเล็กที่ระบบกรองไม่สามารถกรองได้

การปรับปรุงระบบกรองน้ำ

การเลือกใช้ปั๊มน้ำและตัวกรองที่เหมาะสม

    • เลือกปั๊มน้ำที่มีขนาดเหมาะสมกับปริมาณน้ำในสระ เพื่อให้สามารถหมุนเวียนน้ำได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
    • ใช้ตัวกรองทราย (sand filter) หรือตัวกรองแบบผ้ากรอง (cartridge filter) ที่มีคุณภาพ

การล้างไส้กรองและเปลี่ยนทรายในระบบกรอง

    • ล้างไส้กรองเป็นประจำ (Backwash) เพื่อกำจัดสิ่งสกปรกที่สะสม
    • เปลี่ยนทรายในระบบกรองทุก 3-5 ปี เพื่อรักษาประสิทธิภาพในการกรองน้ำ

การเลือกตำแหน่งของสระว่ายน้ำ

หลีกเลี่ยงแสงแดดโดยตรง

    • วางตำแหน่งสระในที่ที่มีร่มเงา หรือลดการโดนแสงแดดโดยตรง ซึ่งช่วยลดการเจริญเติบโตของสาหร่าย

การใช้ที่กำบัง เช่น ผ้าใบหรือกันสาด

    • ติดตั้งผ้าใบหรือกันสาดเพื่อบังแสงแดดและป้องกันฝุ่นละออง เศษใบไม้ หรือสิ่งสกปรกอื่น ๆ ที่อาจตกลงในสระ
    • การใช้ตาข่ายคลุมสระช่วยลดภาระในการทำความสะอาด

วิธีแก้ปัญหาน้ำขุ่น

น้ำขุ่นในสระว่ายน้ำสามารถแก้ไขได้ด้วยการดำเนินการหลายขั้นตอนที่ช่วยฟื้นฟูสภาพน้ำให้ใสสะอาดอีกครั้ง โดยมีวิธีแก้ไขดังต่อไปนี้:

1. การเพิ่มสารเคมีในน้ำ

การเติมคลอรีนช็อก

    • ใช้คลอรีนช็อก (Chlorine Shock) เพื่อเพิ่มระดับคลอรีนในน้ำอย่างรวดเร็วและกำจัดเชื้อโรคหรือแบคทีเรียที่อาจเป็นสาเหตุของน้ำขุ่น
    • แนะนำให้ใช้ในเวลากลางคืนหรือเวลาที่ไม่มีการใช้งานสระ เพื่อให้คลอรีนทำงานได้เต็มที่

การใช้สารตกตะกอน

    • ใช้สารตกตะกอน (Flocculant) เพื่อรวมอนุภาคขนาดเล็กที่ลอยอยู่ในน้ำให้ตกลงสู่ก้นสระ
    • หลังจากใช้สารตกตะกอนแล้ว ควรดูดตะกอนที่ก้นสระออกด้วยเครื่องดูดตะกอน

การปรับค่า pH ด้วยโซดาแอชหรือน้ำยาลดค่า pH

    • หากค่า pH สูงเกินไป ให้ใช้น้ำยาลดค่า pH (pH Reducer)
    • หากค่า pH ต่ำเกินไป ให้เติมโซดาแอช (Soda Ash) เพื่อปรับสมดุล

2. การทำความสะอาดอย่างล้ำลึก

การใช้หุ่นยนต์ดูดตะกอน

    • หุ่นยนต์ดูดตะกอนช่วยกำจัดเศษสิ่งสกปรกและตะกอนที่ก้นสระได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    • เหมาะสำหรับสระขนาดใหญ่หรือสระที่มีการสะสมของเศษสิ่งสกปรกจำนวนมาก

การล้างสระอย่างละเอียด

    • กรณีที่น้ำขุ่นอย่างหนัก อาจจำเป็นต้องล้างสระอย่างละเอียดโดยการระบายน้ำออกทั้งหมดและขัดทำความสะอาดผนังและพื้นสระ
    • เติมน้ำใหม่พร้อมปรับค่า pH และคลอรีนให้เหมาะสม

3. การใช้เครื่องกรองน้ำอย่างถูกวิธี

การเพิ่มรอบการกรองน้ำ

    • เพิ่มระยะเวลาในการกรองน้ำ โดยให้ระบบกรองทำงานอย่างน้อย 8-12 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อให้สามารถกรองสิ่งสกปรกในน้ำได้อย่างเต็มที่

การตรวจสอบสภาพระบบกรอง

    • ตรวจสอบไส้กรองและล้างไส้กรอง (Backwash) เพื่อให้ระบบกรองทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
    • หากใช้ระบบกรองทราย ควรเปลี่ยนทรายทุก 3-5 ปี

วิธีแก้ปัญหาตะไคร่เขียว

    1. การฆ่าเชื้อตะไคร่ในสระ
      • การใช้สารฆ่าตะไคร่ (Algaecide)
      • การเติมคลอรีนในปริมาณที่เหมาะสม
    2. การกำจัดตะไคร่แบบธรรมชาติ
      • การใช้เกลือและระบบเกลือคลอรีน
      • การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อม
    3. การควบคุมแสงแดดในสระ
      • การลดการสะสมของตะไคร่ด้วยผ้าใบปิดสระ
      • การใช้ระบบ UV Sterilizer

การดูแลระยะยาว

เพื่อรักษาสภาพน้ำในสระว่ายน้ำให้ใสสะอาดและปลอดภัย การดูแลในระยะยาวเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยป้องกันปัญหาน้ำขุ่นและตะไคร่เขียว รวมถึงยืดอายุการใช้งานของระบบสระว่ายน้ำ โดยมีแนวทางการดูแลดังนี้:

1. การบำรุงรักษาระบบน้ำ

การตรวจสอบและเปลี่ยนระบบท่อ

    • ตรวจสอบระบบท่อเป็นประจำเพื่อป้องกันการรั่วซึมหรือการอุดตัน
    • หากพบปัญหา ควรซ่อมแซมทันทีหรือเปลี่ยนท่อใหม่เมื่อจำเป็น

การตรวจสอบปั๊มและตัวกรอง

    • ตรวจสอบการทำงานของปั๊มอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้แน่ใจว่าปั๊มทำงานเต็มประสิทธิภาพ
    • ทำความสะอาดตัวกรองและเปลี่ยนไส้กรองหรือทรายในระบบกรองตามคำแนะนำของผู้ผลิต

2. การตรวจสอบคุณภาพน้ำเป็นประจำ

การใช้ชุดทดสอบน้ำ

    • ใช้ชุดทดสอบน้ำเพื่อตรวจวัดค่า pH คลอรีน และระดับสารเคมีอื่น ๆ เป็นประจำ
    • ค่า pH ควรอยู่ในช่วง 7.2–7.6 เพื่อป้องกันปัญหาน้ำขุ่นและตะไคร่เขียว

การตรวจสอบสารเคมีในน้ำ

    • รักษาระดับคลอรีนให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม (1-3 ppm) เพื่อฆ่าเชื้อโรคในน้ำ
    • เติมสารเคมีเพิ่มเติมตามความจำเป็น เช่น สารปรับค่า pH และสารตกตะกอน

3. การจัดตารางการดูแลรายสัปดาห์และรายเดือน

การดูแลรายสัปดาห์

    • กำจัดใบไม้ ฝุ่น และสิ่งสกปรกบนผิวน้ำด้วยสกิมเมอร์
    • ทำความสะอาดพื้นและผนังสระด้วยแปรงหรือตัวช่วยทำความสะอาด เช่น หุ่นยนต์ดูดตะกอน
    • ทดสอบค่าพารามิเตอร์น้ำ เช่น ค่า pH และระดับคลอรีน

การดูแลรายเดือน

  • ล้างระบบกรองน้ำ (Backwash) และทำความสะอาดตัวกรอง
  • ตรวจสอบสภาพของปั๊ม ท่อ และอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ เช่น หัวจ่ายน้ำและสกิมเมอร์
  • เติมสารเคมีป้องกันตะไคร่และสารฆ่าเชื้อเพื่อป้องกันการเจริญเติบโตของสาหร่าย

 

 

 

 

 

ติดต่อสอบถามขอมูลเพิ่มเติมทางไลน์เลือกซื้อสินค้า

หากสนใจสั่งซื้อ อุปกรณ์สระว่ายน้ำ สามารถติดต่อ เวิลด์พูลส์ ดีเวลล็อปเมนท์ ผู้นําด้านการจําหน่าย อุปกรณ์สระว่ายน้ำทุกยี่ห้อ Emaux , Astral Pool, Hayward , Raion , Jacuzzi , Kripsol , Pool & Spa , Dolphin ด้วยความหลากหลาย Brand ของสินค้าและแต่ละประเภทของสินค้า ถังกรองสระว่ายน้ำ ปั๊มสระว่ายน้ำ เครื่องเกลือสระว่ายน้ำ ไฟใต้น้ำ Fitting อุปกรณ์ทำความสะอาดสระว่ายน้ำ เครื่องดูดตะกอนอัตโนมัติ และ เคมีสระว่ายน้ำ คลอรีน 90 % คลอรีน 70 % น้ำยากำจัดตะไคร่น้ำ Swimtrine Pooltrine  สารตกตะกอน ทำให้น้ำสระว่ายน้ำใส  สารพัดด้านเคมี เวิลด์พูลส์ ดีเวลล็อปเมนท์ พร้อมให้บริการและให้ปรึกษากับลูกค้าทุกท่าน

บริษัท เวิลด์พูลส์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด