ปั๊ม EMAUX SS SERIES SS120 เหมาะกับสระขนาดเท่าไร
ปั๊ม EMAUX SS SERIES SS120: ข้อมูลพื้นฐานและคุณสมบัติ
EMAUX SS SERIES SS120 เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์จากซีรีส์ SS ของแบรนด์ EMAUX ซึ่งออกแบบมาเพื่อการใช้งานที่มีประสิทธิภาพและทนทาน เหมาะสำหรับการใช้งานในสระว่ายน้ำ, ระบบบำบัดน้ำ, และการประยุกต์ใช้งานอื่น ๆ ที่ต้องการการหมุนเวียนน้ำที่มีประสิทธิภาพ
คุณสมบัติหลักของปั๊ม EMAUX SS120
- ประสิทธิภาพ
ปั๊ม EMAUX SS120 มีความสามารถในการหมุนเวียนน้ำที่มีประสิทธิภาพสูง เหมาะสำหรับการใช้งานในสระว่ายน้ำขนาดกลางถึงใหญ่ โดยสามารถช่วยให้ระบบทำงานได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพในการกรองน้ำและการหมุนเวียนน้ำภายในสระ - ขนาด
ปั๊ม SS120 มีขนาดที่เหมาะสมกับการใช้งานในสระขนาดกลางถึงใหญ่ มีความสามารถในการทำงานที่รองรับการหมุนเวียนน้ำในปริมาณมาก ซึ่งทำให้การทำงานของสระมีประสิทธิภาพสูงขึ้น - พลังงานที่ใช้
ปั๊ม SS120 มาพร้อมกับมอเตอร์ที่มีพลังงานเพียงพอในการขับเคลื่อนปั๊มให้ทำงานได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ โดยใช้พลังงานที่มีความคุ้มค่า ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายในระยะยาว - ประเภทการทำงาน
ปั๊ม SS120 ทำงานโดยใช้ระบบมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีความทนทาน พร้อมระบบระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพ ช่วยให้ปั๊มทำงานได้นานโดยไม่เกิดปัญหาความร้อนเกินหรือการชำรุดของมอเตอร์
ความแตกต่างของปั๊มในซีรีส์ SS (จาก SS Series)
ซีรีส์ SS ของ EMAUX ประกอบด้วยปั๊มที่มีการออกแบบเพื่อใช้งานในสระว่ายน้ำและระบบน้ำที่มีความทนทานสูง ปั๊มในซีรีส์นี้มีคุณสมบัติที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการหมุนเวียนน้ำในระบบต่าง ๆ ซึ่งในแต่ละรุ่น เช่น SS100, SS120, และ SS150 จะมีขนาดและกำลังที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับการใช้งานที่ต้องการ
- ปั๊ม SS120 เปรียบเทียบกับรุ่นอื่น ๆ ในซีรีส์ SS โดยมีการปรับปรุงในด้านประสิทธิภาพและขนาดให้เหมาะสมกับการใช้งานในสระที่มีขนาดใหญ่ขึ้น และสามารถรองรับการหมุนเวียนน้ำในปริมาณที่มากกว่า
- รุ่น SS120 ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อให้สามารถทำงานได้ในระยะยาวโดยไม่ต้องบำรุงรักษาบ่อยครั้ง โดยเฉพาะเมื่อใช้งานในสระที่มีปริมาณน้ำสูงหรือลักษณะการใช้งานที่ต้องการการหมุนเวียนน้ำต่อเนื่อง
ประเภทของปั๊มสระว่ายน้ำและวิธีการเลือก
ในการเลือกปั๊มสระว่ายน้ำที่เหมาะสมกับความต้องการและการใช้งานของคุณนั้นมีหลายปัจจัยที่ต้องพิจารณา รวมถึงประเภทของปั๊มที่มีในตลาด ปริมาณน้ำที่ต้องการหมุนเวียน และขนาดของสระว่ายน้ำ ดังนี้คือการแนะนำประเภทต่าง ๆ ของปั๊มสระว่ายน้ำที่มีให้เลือกใช้:
1. ปั๊มประเภท One-Speed
คุณสมบัติ:
- ปั๊มประเภทนี้ทำงานที่ความเร็วเดียวตลอดเวลา คือ ความเร็วสูงสุดตลอดการใช้งาน
- เหมาะสำหรับสระว่ายน้ำที่มีขนาดไม่ใหญ่หรือสระที่ใช้การหมุนเวียนน้ำไม่บ่อย
- การใช้งานง่าย ไม่มีความซับซ้อนในการตั้งค่า
- มีราคาถูกกว่าปั๊มประเภทอื่น แต่จะใช้พลังงานมากกว่าปั๊มที่สามารถปรับความเร็วได้
ข้อดี:
- ราคาถูก
- ติดตั้งและใช้งานง่าย
- เหมาะกับสระขนาดเล็กถึงกลางที่ไม่ได้ใช้การหมุนเวียนน้ำมาก
ข้อเสีย:
- ใช้พลังงานสูงกว่าปั๊มประเภท Variable-speed หรือ Two-speed
- การทำงานตลอดเวลาในความเร็วสูงอาจทำให้การดูแลรักษาและค่าใช้จ่ายในการใช้พลังงานเพิ่มขึ้น
2. ปั๊มประเภท Variable-Speed
คุณสมบัติ:
- ปั๊มที่สามารถปรับความเร็วในการหมุนเวียนน้ำได้ตามความต้องการ
- สามารถปรับลดความเร็วให้ต่ำลงเมื่อไม่มีการใช้งาน หรือเพิ่มความเร็วในการทำงานเมื่อจำเป็น
- ประหยัดพลังงานมากขึ้นเพราะสามารถปรับความเร็วได้ตามสถานการณ์
ข้อดี:
- ประหยัดพลังงาน
- ยืดอายุการใช้งานของปั๊มเพราะสามารถปรับความเร็วได้
- เหมาะกับสระว่ายน้ำที่ต้องการการหมุนเวียนน้ำอย่างต่อเนื่องหรือตามช่วงเวลา
ข้อเสีย:
- ราคาสูงกว่าปั๊ม One-speed
- ต้องการการติดตั้งที่ซับซ้อนกว่า
3. ปั๊มประเภท Two-Speed
คุณสมบัติ:
- ปั๊มประเภทนี้สามารถเลือกได้ระหว่างสองความเร็ว คือ ความเร็วต่ำและความเร็วสูง
- เหมาะสำหรับการหมุนเวียนน้ำในสระที่ไม่จำเป็นต้องมีการหมุนเวียนตลอดเวลาในความเร็วสูง
- โดยทั่วไปจะมีความสามารถในการประหยัดพลังงานเมื่อใช้ในโหมดความเร็วต่ำ
ข้อดี:
- ประหยัดพลังงานมากกว่าปั๊ม One-speed แต่ไม่ถึงขนาดของปั๊ม Variable-speed
- ใช้งานง่ายและไม่ซับซ้อน
- เหมาะกับสระที่ต้องการการหมุนเวียนน้ำตามช่วงเวลา
ข้อเสีย:
- ไม่ยืดหยุ่นเท่าปั๊ม Variable-speed ในการปรับความเร็ว
- ราคาสูงกว่าปั๊ม One-speed
วิธีการเลือกปั๊มตามขนาดและการใช้งานของสระว่ายน้ำ
- การคำนวณปริมาณน้ำที่ต้องหมุนเวียนในสระในแต่ละวัน:
ก่อนเลือกปั๊ม ควรคำนวณปริมาณน้ำในสระที่ต้องหมุนเวียนเพื่อให้ระบบกรองน้ำทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ - ขนาดของสระ:
- สำหรับสระขนาดเล็ก (ต่ำกว่า 20 ตร.ม.) ควรเลือกปั๊มที่มีความสามารถในการหมุนเวียนน้ำต่ำหรือปั๊ม One-speed
- สำหรับสระขนาดกลาง (20-50 ตร.ม.) หรือสระที่มีการใช้งานหลายครั้ง ควรเลือกปั๊มประเภท Two-speed หรือ Variable-speed เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและการประหยัดพลังงาน
- สำหรับสระขนาดใหญ่ (มากกว่า 50 ตร.ม.) ควรเลือกปั๊ม Variable-speed เพื่อให้การหมุนเวียนน้ำมีประสิทธิภาพและสามารถปรับความเร็วตามความต้องการได้
- การเลือกปั๊มตามลักษณะการใช้งาน:
- หากสระว่ายน้ำใช้งานเป็นประจำทุกวันหรือมีการใช้งานสูงในช่วงฤดูร้อน ควรเลือกปั๊มที่มีความสามารถในการหมุนเวียนน้ำต่อเนื่อง เช่น ปั๊ม Variable-speed
- หากสระใช้งานไม่บ่อยหรือไม่ต้องการการหมุนเวียนน้ำตลอดเวลา ปั๊มประเภท One-speed หรือ Two-speed ก็สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สรุป
การเลือกปั๊มสำหรับสระว่ายน้ำขึ้นอยู่กับขนาดและการใช้งานของสระ รวมถึงงบประมาณที่มี ปั๊ม One-speed เป็นตัวเลือกที่ประหยัดต้นทุนและใช้งานง่าย เหมาะสำหรับสระขนาดเล็ก ในขณะที่ปั๊ม Two-speed และ Variable-speed เหมาะสำหรับการใช้งานในสระที่ต้องการการประหยัดพลังงานและมีการหมุนเวียนน้ำที่มีประสิทธิภาพสูง
การเลือกปั๊มให้เหมาะสมกับขนาดของสระว่ายน้ำ
การเลือกปั๊มที่เหมาะสมกับขนาดของสระว่ายน้ำเป็นขั้นตอนสำคัญในการทำให้ระบบกรองน้ำทำงานได้มีประสิทธิภาพ และช่วยประหยัดพลังงานในระยะยาว ปั๊มที่เลือกใช้จะต้องสามารถหมุนเวียนน้ำในสระได้เพียงพอเพื่อให้การกรองน้ำมีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งการเลือกปั๊มต้องพิจารณาหลายปัจจัย เช่น ขนาดของสระ (รวมถึงความลึก ความกว้าง และปริมาณน้ำในสระ) ความเร็วในการหมุนเวียนน้ำ และประสิทธิภาพของปั๊มที่เลือก
1. ปั๊มที่เหมาะกับขนาดต่างๆ ของสระ
การเลือกปั๊มขึ้นอยู่กับขนาดของสระที่สามารถคำนวณได้จากปริมาตรของน้ำในสระ นอกจากนี้ยังต้องพิจารณาเวลาที่ต้องการให้ระบบกรองน้ำหมุนเวียนครบ 1 รอบต่อวัน โดยปกติแล้วระบบกรองน้ำควรหมุนเวียนน้ำในสระให้ครบภายใน 8 ชั่วโมงหรือไม่เกิน 12 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับขนาดของสระและการใช้งาน
ปั๊มสำหรับสระขนาดเล็ก (ขนาดน้ำต่ำกว่า 20 ลูกบาศก์เมตร)
- สระขนาดเล็กเหมาะกับปั๊มประเภท One-speed หรือ Two-speed ซึ่งมีกำลังการหมุนเวียนน้ำไม่สูงมาก
- ขนาดของปั๊มจะอยู่ที่ประมาณ 0.5-1 แรงม้า (HP) ขึ้นอยู่กับลักษณะของสระ
- คำนวณปั๊มที่เหมาะสม: ประมาณ 0.5 HP ถึง 1 HP
- การหมุนเวียนน้ำในสระขนาดเล็กสามารถทำได้ง่ายและรวดเร็ว
ปั๊มสำหรับสระขนาดกลาง (ขนาดน้ำ 20-50 ลูกบาศก์เมตร)
- สำหรับสระขนาดกลาง ควรเลือกปั๊มที่มีความสามารถในการหมุนเวียนน้ำในช่วงเวลาที่เร็วขึ้น
- ปั๊มประเภท Variable-speed หรือ Two-speed ที่สามารถปรับความเร็วได้จะเหมาะสมที่สุด
- ขนาดของปั๊มที่เหมาะสมจะอยู่ที่ประมาณ 1-1.5 แรงม้า (HP)
- การหมุนเวียนน้ำใน 8-12 ชั่วโมงก็เพียงพอ
ปั๊มสำหรับสระขนาดใหญ่ (ขนาดน้ำเกิน 50 ลูกบาศก์เมตร)
- สระขนาดใหญ่ต้องการปั๊มที่มีกำลังสูงและสามารถหมุนเวียนน้ำได้มากขึ้น
- ปั๊มประเภท Variable-speed เหมาะที่สุดสำหรับการประหยัดพลังงานและความสามารถในการหมุนเวียนน้ำตามช่วงเวลาที่ต้องการ
- ขนาดของปั๊มที่เหมาะสมจะอยู่ที่ประมาณ 1.5-2 แรงม้า (HP)
- ปั๊มประเภทนี้จะช่วยให้การหมุนเวียนน้ำมีประสิทธิภาพสูงและช่วยประหยัดพลังงานในระยะยาว
2. วิธีการคำนวณขนาดปั๊มที่เหมาะสม
การคำนวณขนาดของปั๊มที่เหมาะสมกับสระว่ายน้ำทำได้จากการคำนวณปริมาณน้ำในสระและการกำหนดเวลาในการหมุนเวียนน้ำให้ครบ 1 รอบต่อวัน การคำนวณปริมาณน้ำในสระสามารถทำได้โดยใช้สูตร:
ปริมาตรน้ำ (ลบ.ม.)=ความยาว×ความกว้าง×ความลึก\text{ปริมาตรน้ำ (ลบ.ม.)} = \text{ความยาว} \times \text{ความกว้าง} \times \text{ความลึก}ปริมาตรน้ำ (ลบ.ม.)=ความยาว×ความกว้าง×ความลึกหลังจากได้ปริมาตรน้ำแล้ว คุณสามารถคำนวณปริมาณน้ำที่ต้องหมุนเวียนในแต่ละชั่วโมง
ตัวอย่างการคำนวณสำหรับสระขนาดเล็ก:
- สมมุติสระขนาดเล็กมีขนาด 5 เมตร x 3 เมตร x 1.5 เมตร = 22.5 ลูกบาศก์เมตร
- ต้องการให้ระบบหมุนเวียนน้ำให้ครบภายใน 6 ชั่วโมง
โดยในกรณีนี้ ควรเลือกปั๊มที่มีความสามารถในการหมุนเวียนน้ำที่ประมาณ 37.5 ลิตรต่อนาที หรือประมาณ 0.5-1 HP
3. ตัวอย่างการเลือกปั๊มสำหรับสระขนาดต่างๆ
สระขนาดเล็ก
- ขนาดสระ: 5 เมตร x 3 เมตร x 1.5 เมตร (22.5 ลูกบาศก์เมตร)
- ปั๊มที่เหมาะสม: 0.5 – 1 แรงม้า
- ประเภทปั๊ม: One-speed หรือ Two-speed
สระขนาดกลาง
- ขนาดสระ: 10 เมตร x 5 เมตร x 1.5 เมตร (75 ลูกบาศก์เมตร)
- ปั๊มที่เหมาะสม: 1 – 1.5 แรงม้า
- ประเภทปั๊ม: Variable-speed หรือ Two-speed
สระขนาดใหญ่
- ขนาดสระ: 12 เมตร x 6 เมตร x 2 เมตร (144 ลูกบาศก์เมตร)
- ปั๊มที่เหมาะสม: 1.5 – 2 แรงม้า
- ประเภทปั๊ม: Variable-speed
สรุป
การเลือกปั๊มให้เหมาะสมกับขนาดของสระว่ายน้ำไม่เพียงแต่ขึ้นอยู่กับขนาดของสระเท่านั้น แต่ยังขึ้นอยู่กับความต้องการในการหมุนเวียนน้ำและการประหยัดพลังงาน ปั๊ม One-speed เหมาะกับสระขนาดเล็ก ส่วน Two-speed และ Variable-speed เหมาะกับสระขนาดกลางถึงใหญ่ที่ต้องการการประหยัดพลังงานและประสิทธิภาพในการหมุนเวียนน้ำสูง
ความสำคัญของการคำนวณขนาดปั๊มที่เหมาะสม
การคำนวณขนาดของปั๊มที่เหมาะสมสำหรับสระว่ายน้ำมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อประสิทธิภาพการทำงานของระบบกรองน้ำในสระ นอกจากจะช่วยประหยัดพลังงานแล้ว ยังสามารถยืดอายุการใช้งานของปั๊มและรักษาคุณภาพน้ำให้สะอาดและปลอดภัยต่อผู้ใช้สระว่ายน้ำได้อีกด้วย การเลือกขนาดปั๊มที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้เกิดปัญหาหลายอย่างที่อาจส่งผลเสียต่อการดูแลรักษาสระว่ายน้ำและทำให้ระบบกรองน้ำไม่ทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ
1. การประหยัดพลังงาน
เมื่อเลือกปั๊มที่มีขนาดเหมาะสมกับขนาดของสระว่ายน้ำ ระบบจะทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและไม่สิ้นเปลืองพลังงานเกินจำเป็น โดยการเลือกปั๊มที่มีแรงม้า (HP) เหมาะสมจะช่วยให้การหมุนเวียนน้ำในสระเป็นไปอย่างราบรื่น ทำให้ปั๊มไม่ต้องทำงานหนักเกินไป ซึ่งจะช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าในระยะยาว
- การเลือกปั๊มขนาดใหญ่เกินไป: ปั๊มที่มีขนาดใหญ่เกินจะทำให้การหมุนเวียนน้ำเร็วเกินไป ซึ่งอาจต้องใช้พลังงานมากกว่าที่จำเป็น
- การเลือกปั๊มขนาดเล็กเกินไป: หากเลือกปั๊มที่มีขนาดเล็กเกินไป อาจทำให้ระบบไม่สามารถหมุนเวียนน้ำได้ตามต้องการ ส่งผลให้ปั๊มต้องทำงานหนักเกินไปและสิ้นเปลืองพลังงาน
2. การยืดอายุการใช้งานของปั๊ม
การเลือกขนาดปั๊มที่เหมาะสมจะช่วยลดภาระการทำงานของปั๊ม ป้องกันไม่ให้ปั๊มทำงานหนักเกินไป ซึ่งจะช่วยยืดอายุการใช้งานของปั๊มและลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมหรือเปลี่ยนปั๊มใหม่
- ปั๊มทำงานเกินกำลัง: หากปั๊มมีขนาดเล็กเกินไปและต้องทำงานหนักเพื่อหมุนเวียนน้ำในสระ อาจทำให้ปั๊มเกิดความร้อนสูงและเสี่ยงต่อการเสียหาย
- ปั๊มทำงานไม่เต็มที่: ถ้าปั๊มขนาดใหญ่เกินไปและทำงานที่ความเร็วสูงเกินจำเป็น อาจทำให้เกิดการสึกหรอของชิ้นส่วนภายในปั๊มเร็วกว่าปกติ
3. การรักษาคุณภาพน้ำ
ปั๊มที่มีขนาดเหมาะสมจะช่วยให้การหมุนเวียนน้ำในสระมีประสิทธิภาพ ซึ่งส่งผลให้ระบบกรองน้ำทำงานได้ดีขึ้นและช่วยรักษาคุณภาพน้ำในสระให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม การหมุนเวียนน้ำที่ไม่เพียงพออาจทำให้สารเคมีในน้ำและสิ่งสกปรกตกค้างในน้ำ ทำให้เกิดปัญหาน้ำขุ่นหรือเสี่ยงต่อการเจริญเติบโตของสาหร่าย
- ปั๊มที่มีขนาดไม่เหมาะสม: หากปั๊มไม่สามารถหมุนเวียนน้ำในสระได้เพียงพอ สารเคมีและสิ่งสกปรกในน้ำอาจสะสม ทำให้คุณภาพน้ำแย่ลงและเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพ
- การหมุนเวียนน้ำที่ไม่เต็มประสิทธิภาพ: หากปั๊มไม่สามารถหมุนเวียนน้ำได้ครบทุกส่วนของสระ จะทำให้การกรองน้ำไม่ทั่วถึง ทำให้คุณภาพน้ำในสระลดลง
4. ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากการเลือกปั๊มขนาดผิด
- ปั๊มขนาดใหญ่เกินไป: จะทำให้การหมุนเวียนน้ำเร็วเกินไป ส่งผลให้ระบบกรองน้ำทำงานไม่ดีและอาจทำให้เกิดความร้อนสะสมในปั๊ม รวมถึงใช้พลังงานมากเกินไป
- ปั๊มขนาดเล็กเกินไป: ปั๊มอาจไม่สามารถหมุนเวียนน้ำได้ครบทุกส่วนของสระ ส่งผลให้ระบบกรองน้ำไม่ทำงานเต็มประสิทธิภาพและทำให้มีสิ่งสกปรกและสารเคมีตกค้างในน้ำ
- ความเร็วในการหมุนเวียนน้ำไม่เหมาะสม: หากการหมุนเวียนน้ำในสระไม่เป็นไปตามที่กำหนด อาจทำให้ระบบกรองน้ำไม่ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ทำให้คุณภาพน้ำในสระแย่ลง
ปั๊ม EMAUX SS120 กับสระขนาดไหน?
ปั๊ม EMAUX SS120 เป็นปั๊มที่มีประสิทธิภาพสูง เหมาะสำหรับการใช้งานในสระขนาดกลางถึงใหญ่ ซึ่งสามารถรองรับการหมุนเวียนน้ำจำนวนมากในเวลาอันสั้น การเลือกปั๊มที่เหมาะสมจะต้องพิจารณาจากค่า Flow rate หรือ Capacity ของปั๊ม รวมถึงขนาดของสระและความต้องการในการหมุนเวียนน้ำของระบบกรองน้ำ
ความสามารถของปั๊ม EMAUX SS120
ปั๊ม EMAUX SS120 มีความสามารถในการหมุนเวียนน้ำที่สามารถทำได้ประมาณ 15,000 ลิตร/ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับการติดตั้งและระบบท่อที่ใช้งาน) ซึ่งเหมาะสมกับการใช้งานในสระที่มีขนาดน้ำประมาณ 50,000 ลิตรขึ้นไป โดยการหมุนเวียนน้ำให้เร็วและทั่วถึงเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาคุณภาพน้ำในสระ
แนวทางการเลือกสระที่เหมาะสมกับปั๊ม EMAUX SS120
การเลือกปั๊มที่เหมาะสมจะต้องพิจารณาจากปริมาณน้ำในสระและอัตราการหมุนเวียนน้ำของปั๊ม โดยปกติแล้วการหมุนเวียนน้ำที่เหมาะสมสำหรับสระว่ายน้ำควรหมุนเวียนน้ำให้ครบ 1 ครั้งในระยะเวลา 6-8 ชั่วโมง
ตัวอย่างการคำนวณ:
- คำนวณอัตราการหมุนเวียนน้ำที่จำเป็น:
- สมมุติว่าความต้องการการหมุนเวียนน้ำในสระคือ 1 รอบทุก 6 ชั่วโมง
- สระขนาด 50,000 ลิตร (50m³)
- อัตราการหมุนเวียนน้ำที่ต้องการ = ปริมาณน้ำในสระ / เวลาหมุนเวียน = 50,000 ลิตร / 6 ชั่วโมง = 8,333 ลิตร/ชั่วโมง
- การเลือกปั๊มที่มีความสามารถเหมาะสม:
- ปั๊ม EMAUX SS120 ที่มีความสามารถ 15,000 ลิตร/ชั่วโมง สามารถหมุนเวียนน้ำได้อย่างเพียงพอสำหรับสระขนาด 50,000 ลิตร
- สำหรับสระที่มีปริมาณน้ำมากขึ้น เช่น 80,000 ลิตร หรือ 100,000 ลิตร ก็ยังสามารถใช้ปั๊ม SS120 ได้ เนื่องจากอัตราการหมุนเวียนน้ำของปั๊มสูงกว่าอัตราที่ต้องการ
ขนาดของสระที่เหมาะสม:
- สระขนาดเล็ก (น้อยกว่า 50,000 ลิตร): ปั๊ม SS120 อาจจะใหญ่เกินไปและใช้พลังงานสูงเกินความจำเป็น ควรเลือกปั๊มที่มีความสามารถน้อยกว่า เช่น ปั๊มที่มีความสามารถประมาณ 8,000-10,000 ลิตร/ชั่วโมง
- สระขนาดกลางถึงใหญ่ (50,000-100,000 ลิตร): ปั๊ม SS120 เป็นตัวเลือกที่ดี เนื่องจากสามารถหมุนเวียนน้ำได้มากกว่าอัตราที่ต้องการ ทำให้ระบบกรองทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
- สระขนาดใหญ่ (มากกว่า 100,000 ลิตร): ปั๊ม SS120 ยังคงเหมาะสม แต่ในกรณีนี้อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มจำนวนปั๊มหรือการติดตั้งระบบกรองที่รองรับการทำงานหนัก
ข้อดีของปั๊ม EMAUX SS120
ปั๊ม EMAUX SS120 มีข้อดีหลายประการที่ทำให้เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับการใช้งานในสระว่ายน้ำขนาดกลางถึงใหญ่ โดยเฉพาะในสภาพอากาศร้อนชื้นของประเทศไทย
1. ความทนทาน
- วัสดุคุณภาพสูง: ปั๊ม EMAUX SS120 ผลิตจากวัสดุที่ทนทานและมีความคงทนต่อการใช้งานในระยะยาว เช่น การใช้วัสดุสแตนเลสที่ไม่เกิดสนิมและทนต่อสารเคมีในน้ำสระ ทำให้สามารถใช้งานได้เป็นเวลานานโดยไม่เสื่อมสภาพเร็ว
- อายุการใช้งานยาวนาน: เนื่องจากใช้วัสดุและเทคโนโลยีที่ได้มาตรฐาน จึงช่วยยืดอายุการใช้งานของปั๊ม
2. ความประหยัดพลังงาน
- การทำงานที่มีประสิทธิภาพสูง: ปั๊ม EMAUX SS120 ถูกออกแบบมาให้ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยการหมุนเวียนน้ำในอัตราที่เหมาะสมซึ่งช่วยลดการใช้พลังงานเมื่อเทียบกับปั๊มรุ่นอื่น ๆ
- ระบบการทำงานที่อัจฉริยะ: การทำงานที่มีระบบการหมุนเวียนน้ำที่เหมาะสมกับขนาดสระช่วยลดการทำงานหนักเกินไปของปั๊ม ทำให้การใช้พลังงานเป็นไปอย่างประหยัด
3. การบำรุงรักษาง่าย
- การออกแบบที่ใช้งานง่าย: ปั๊ม EMAUX SS120 ถูกออกแบบให้มีความทนทานและง่ายต่อการบำรุงรักษา สามารถทำการตรวจสอบและบำรุงรักษาได้สะดวก ทำให้ผู้ใช้สามารถดูแลปั๊มได้เองโดยไม่ต้องพึ่งพาผู้เชี่ยวชาญตลอดเวลา
- การเข้าถึงส่วนประกอบต่างๆ: ชิ้นส่วนสำคัญ เช่น กรองหรือมอเตอร์ สามารถถอดและทำความสะอาดได้ง่าย
4. การออกแบบที่เหมาะสมกับสภาพอากาศในประเทศไทย
- ทนต่อความร้อนและความชื้น: การออกแบบของปั๊ม EMAUX SS120 สามารถทนต่ออุณหภูมิที่สูงและความชื้นในสภาพอากาศเมืองร้อน เช่น ในประเทศไทย ซึ่งมีฤดูร้อนที่อุณหภูมิสูงและความชื้นสูง ทำให้ปั๊มทำงานได้เต็มประสิทธิภาพในสภาพแวดล้อมนี้
- วัสดุป้องกันการกัดกร่อน: วัสดุที่ใช้ในการผลิตปั๊มช่วยป้องกันการกัดกร่อนจากน้ำทะเลหรือสารเคมีในน้ำที่อาจทำให้ปั๊มเสื่อมสภาพได้เร็ว
5. ความสามารถในการลดเสียงรบกวนขณะทำงาน
- เทคโนโลยีการลดเสียง: ปั๊ม EMAUX SS120 ออกแบบมาให้ทำงานได้อย่างเงียบที่สุด แม้จะมีความสามารถในการหมุนเวียนน้ำที่สูง ซึ่งช่วยลดเสียงรบกวนที่เกิดขึ้นขณะปั๊มทำงาน
- เหมาะสำหรับการใช้งานในพื้นที่ที่ต้องการความเงียบ: ความเงียบในการทำงานทำให้ปั๊ม SS120 เหมาะสมกับการติดตั้งในพื้นที่ที่ต้องการลดเสียงรบกวน เช่น บริเวณบ้านหรือพื้นที่ที่อยู่ใกล้กับสระว่ายน้ำ
สรุปข้อดีของปั๊ม EMAUX SS120
- ความทนทาน: วัสดุคุณภาพสูงและทนทานในสภาพอากาศร้อนและความชื้น
- ความประหยัดพลังงาน: ใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดการใช้พลังงานเกินความจำเป็น
- การบำรุงรักษาง่าย: การออกแบบที่ดูแลและบำรุงรักษาได้สะดวก
- การทนต่อสภาพอากาศประเทศไทย: ทนทานต่อความร้อนและความชื้นสูง
- การลดเสียงรบกวน: ทำงานได้เงียบและไม่รบกวนสิ่งแวดล้อม
ปั๊ม EMAUX SS120 เป็นตัวเลือกที่ดีในการรักษาคุณภาพน้ำในสระว่ายน้ำขนาดกลางถึงใหญ่ โดยมีทั้งประสิทธิภาพการทำงานที่สูงและการบำรุงรักษาที่สะดวก ตอบโจทย์การใช้งานในสภาพอากาศร้อนชื้นของประเทศไทยได้อย่างดี.
หากสนใจสั่งซื้อ อุปกรณ์สระว่ายน้ำ สามารถติดต่อ เวิลด์พูลส์ ดีเวลล็อปเมนท์ ผู้นําด้านการจําหน่าย อุปกรณ์สระว่ายน้ำทุกยี่ห้อ Emaux , Astral Pool, Hayward , Raion , Jacuzzi , Kripsol , Pool & Spa , Dolphin ด้วยความหลากหลาย Brand ของสินค้าและแต่ละประเภทของสินค้า ถังกรองสระว่ายน้ำ ปั๊มสระว่ายน้ำ เครื่องเกลือสระว่ายน้ำ ไฟใต้น้ำ Fitting อุปกรณ์ทำความสะอาดสระว่ายน้ำ เครื่องดูดตะกอนอัตโนมัติ และ เคมีสระว่ายน้ำ คลอรีน 90 % คลอรีน 70 % น้ำยากำจัดตะไคร่น้ำ Swimtrine Pooltrine สารตกตะกอน ทำให้น้ำสระว่ายน้ำใส สารพัดด้านเคมี เวิลด์พูลส์ ดีเวลล็อปเมนท์ พร้อมให้บริการและให้ปรึกษากับลูกค้าทุกท่าน
บริษัท เวิลด์พูลส์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด
- 261/5 ถ.มหิดล ต.ป่าแดด อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 50100
- 053-204 446-7
- 095-6815757
- ไลน์ : @worldpools
- FaceBook Page : World Pools สร้างสระว่ายน้ำ เชียงใหม่ อุปกรณ์สระ สระว่ายน้ำ ซ่อมสระ ดูแลสระ
- worldpoolscnx@gmail.com